การบริหารจัดการน้ำใต้ดิน
โครงการมีการวางแผนการจัดสรรน้ำและบำรุงรักษาจะแยกเป็นอิสระของแต่ละบ่อสูบน้ำ ทั้งนี้จะมีการวางแผนก่อนเริ่มฤดูการส่งน้ำ บ่อสูบน้ำใต้ดินแต่ละบ่อจะมีการจัดตั้งกลุ่มพื้นฐานการใช้น้ำ 1 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะมีเกษตรกรหรือสมาชิกประมาณ 10-70 ราย โครงการ ฯ จะเป็นผู้กำหนดแผนการส่งน้ำและแผนการปลูกพืช โดยคำนึงถึงต้นทุนแล้วกำหนดประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำก่อนจะเริ่มการส่งน้ำ แต่ละฤดูกาลเพื่อกำหนดพื้นที่เพาะปลูก วิธีการส่งน้ำที่โครงการ ฯ นำมาใช้เป็นแบบหมุนเวียนเปิด-ปิด หัวจ่ายน้ำสู่พื้นที่เพาะปลูกของตน วิธีนี้จะช่วยขจัดปัญหาการแย่งน้ำของเกษตรกรและให้รับน้ำได้อย่างทั่วถึง
เนื่องจากการสูบน้ำต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการสูบน้ำจากบ่อน้ำใต้ดิน เกษตรกรจะเป็นผู้ชำระค่ากระแสไฟฟ้า โดยทางโครงการ ฯ จะเป็นผู้จดสถิติการสูบน้ำให้ และคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ว่าเกษตรกรรายใดจะต้องจ่ายค่ากระแสไฟฟ้าเท่าใด และส่งให้ทางสหกรณ์ในพื้นที่จัดเก็บค่ากระแสไฟฟ้าจากเกษตรกร เพื่อนำส่งให้การไฟฟ้าต่อไป
สภาพการเพาะปลูก หลังมีโครงการ ฯ นอกจากสามารถสูบน้ำช่วยเหลือเกษตรกรในเขตโครงการ ฯ ในกรณีฝนทิ้งช่วงในฤดูฝนแล้ว ยังสามารถสูบน้ำให้เกษตรกรปลูกในฤดูแล้งได้อีกด้วย ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนด้านประสิทธิภาพการส่งน้ำนั้น น้ำที่สูบออกมาจากท่อส่งน้ำ จะไม่มีการสูญเสียน้ำเพราะส่งด้วยระบบท่อ พีวีซี ซึ่งฝังลึกจากผิวดินประมาณ 1 เมตร ไปสู่แปลงเพาะปลูกของเกษตรกรโดยตรง อีกทั้งเกษตรกรไม่ต้องสูญเสียพื้นที่เพาะปลูก สามารถทำการเกษตรเหนือท่อส่งน้ำได้
- การวางแผนการส่งน้ำ
การส่งน้ำบ่อน้ำใต้ดินแต่ละบ่อ จะส่งน้ำแบบเป็นรอบเวร เกษตรกรจะได้รับน้ำครั้งละ 1 ราย หมุนเวียนกันไป ทั้งนี้จะมีการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ ก่อนเริ่มการส่งน้ำ เพื่อสำรวจความต้องการของเกษตรกรก่อนว่าจะเพาะปลูกอะไร เพื่อนำมาวางแผนการส่งน้ำให้ได้อย่างทั่วถึง แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงความสามารถในการให้น้ำของแต่ละบ่อร่วมด้วย
ข้อมูลด้านการวางแผนบ่อสูบน้ำใต้ดิน จำนวน 1 บ่อ
- จำนวนพื้นที่ชลประทานทั้งหมดของบ่อสูบน้ำใต้ดินมีจำนวนเท่าใด?
- อัตราการสูบน้ำ 5 วันต่อสัปดาห์ (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์)
- ชั่วโมงการสูบน้ำ = 10-12 ชั่วโมงต่อวัน
- อัตราการไหลของบ่อสูบน้ำใต้ดินและความต้องการใช้น้ำของพืชที่ปลูกต่อไร่ต่อสัปดาห์ การคำนวณการใช้ข้อมูล ดังต่อไปนี้
ฤดูแล้ง พืชไร่ ใช้น้ำสัปดาห์ละ 70 ม.3 / ไร่ / สัปดาห์
ข้าว ใช้น้ำสัปดาห์ละ 100 ม.3 / ไร่ / สัปดาห์
เฉลี่ย 80 ม.3 /ไร่ / สัปดาห์
ฤดูฝน พืชไร่ ใช้น้ำสัปดาห์ละ 60 ม.3 / ไร่ / สัปดาห์
ข้าว ใช้น้ำสัปดาห์ละ 80 ม.3 / ไร่ /สัปดาห์
เฉลี่ย 70 ม.3 / ไร่ / สัปดาห์
- ชนิดพืชที่เกษตรกรจะปลูกในฤดูนั้น ๆ เป็นพืชชนิดใด? เช่น ข้าวหรือพืชไร่
- จำนวนพื้นที่ชลประทานที่เกษตรกรจะทำการเพาะปลูกมีทั้งหมดเท่าใด?
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดข้างต้นแล้วเราสามารถคำนวณหาพื้นที่ชลประทานที่สามารถใช้น้ำชลประทานได้เท่าใด?และจะได้จำนวนชั่วโมงการสูบน้ำตามรอบเวรต่อสัปดาห์ออกมาเป็นตารางการส่งน้ำเพื่อจะได้ให้เกษตรกรสามารถปฏิบัติใช้งานได้ต่อไป
หลักการคำนวณในการวางแผนการส่งน้ำในบ่อสูบน้ำใต้ดิน
1 คำนวณหาจำนวนพื้นที่ชลประทานที่จะสามารถใช้น้ำชลประทานได้มีจำนวนเท่าใดโดยสามารถคำนวณหาได้ ดังต่อไปนี้
จำนวนพื้นที่ชลประทาน
= (อัตราการสูบน้ำ 5 วัน / สัปดาห์) X (ชั่วโมงการสูบน้ำ/ วัน) Xอัตราการไหล
ความต้องการใช้น้ำของพืชที่ปลูก.
= ? ไร่
คำนวณหา % ของพื้นที่ชลประทานในบ่อสูบน้ำใต้ดิน
= จำนวนพื้นที่ชลประทานที่คำนวณได้ x 100 = ? %
จำนวนพื้นที่ทั้งหมดใน 1 บ่อสูบน้ำใต้ดิน
2 คำนวณหาจำนวนชั่วโมงของบ่อสูบน้ำใต้ดินไร่ต่อสัปดาห์
จำนวนชั่วโมงการสูบน้ำ
= ( อัตราการสูบน้ำ 5 วัน / สัปดาห์ ) X (จำนวนชั่วโมงการสูบ / วัน)
พื้นที่ส่งน้ำสูงสุด (ไร่)
= ? ชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณในการวางแผนการส่งน้ำฤดูแล้งปี 56/57 ในบ่อสูบน้ำใต้ดิน A1
บ่อสูบน้ำใต้ดินบ่อที่ A1 มีพื้นที่รวม 350 ไร่
อัตราการสูบน้ำ 200 ม.3/ชั่วโมง
กำหนดรอบเวรการส่งน้ำทุก 5 วัน
สูบน้ำสัปดาห์ละ 5 วัน ๆ ละ 10 ชั่วโมง
กำหนดอัตราการใช้น้ำของพืชเฉลี่ย 80 ม.3/ไร่/สัปดาห์
จะหาพื้นที่ส่งน้ำได้จากสูตร
= 200(ม.3/ชั่วโมง)x10(ชั่วโมง/วัน)x5 (วัน/สัปดาห์)
80 (ม.3/ไร่/สัปดาห์)
= 125 ไร่
คิดเป็น = 125x100 = 35.71 % ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดในบ่อหรือของพื้นที่
350 เพาะปลูกของเกษตรกรแต่ละราย
สำหรับชั่วโมงการรับน้ำต่อไร่มีสูตรคำนวณดังนี้
ชั่วโมงการรับน้ำต่อไร่ = จำนวนชั่วโมงการสูบน้ำในแต่ละสัปดาห์ (ชม)
พื้นที่การส่งน้ำสูงสุด (ไร่)
= 5x10 = 0.40 ชม/ไร่
125
หรือ = 24 นาที่/ไร่
การวางแผนการจัดสรรน้ำจะพิจารณาวางแผนเป็น 2 ฤดู ดังนี้
1.) การจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคม-เมษายน)
สิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ตามที่ได้กล่าวมาแล้วในหัวข้อ แหล่งน้ำใต้ดิน น้ำที่สูบได้รวมกันได้ไม่เกิน 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (2 โซนรวมกัน) และน้ำที่สูบได้จากบ่อสูบน้ำใต้ดินแต่ละบ่อมีปริมาณจำกัดคือ ประมาณ 200 ม.3/ ชั่วโมง บางบ่อสูบได้เพียง 130 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น และควรสูบได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา จะจัดการประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อทำความเข้าใจให้กับเกษตรกรได้รับทราบปริมาณน้ำ ที่มีอยู่โดยกำหนดหลักการวางแผนการส่งน้ำมาเป็นตารางเพื่อที่เกษตรกรจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
2.) การจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-พฤศจิกายน)
ในช่วงฤดูฝนของทุกปีเป็นฤดูที่เกษตรกรจะเริ่มเพาะปลูกพืชไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือพืชไร่ก็ตามโดยที่ปริมาณน้ำชลประทานเป็นเพียงน้ำที่คำนวณทางทฤษฎีเพื่อเสริมให้กับพื้นที่เพาะปลูกเมื่อเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ดังนั้น ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ จะมีการวางแผนการใช้น้ำไว้ล่วงหน้าโดยปฏิบัติเช่นด้วยกับการวางแผนการส่งน้ำฤดูแล้งแต่จะคำนึงถึงความต้องการใช้น้ำของพืชในช่วงฤดูฝนจะน้อยกว่าฤดูแล้งเนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนเข้ามาเกี่ยวข้อง